ความหวังของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการสร้างความกดดันให้กับ เชลซี ซึ่งแข่งในช่วงเย็น(อังกฤษ) กับ เซาแธมป์ตัน ที่ เซนต์แมรี่ส์ จบลงอย่างน่าผิดหวังภายใต้แสงแดดจ้าที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันเสาร์
ทีมปีศาจแดงทำได้เพียงเสมอแบบไร้สกอร์กับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ทั้งๆ ที่ผลการแข่งขันที่ยอมรับได้ในเกมนี้ต้องเป็นชัยชนะเท่านั้น
ลูกทีมของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีโอกาสยิงประตูตลอดทั้ง 90 นาที แต่เป็นเพราะการป้องกันประตูอันยอดเยี่ยมจากแบรด ฟรีเดล นายทวารชาวอเมริกัน การจบสกอร์ที่ไม่ดี และความโชคร้ายหลายๆ ครั้ง ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่สามารถยิงประตูได้ในวันนี้
ทั้ง เวย์น รูนี่ย์ และ รอย คีน ได้ทดสอบความแข็งแรงของเสาประตูฝั่งสกอร์บอร์ด และ มิเกล ซิลแวสตร์ เห็นลูกโหม่งอันรุนแรง 2 ครั้งของตัวเองถูกปฏิเสธเพียงไม่กี่นิ้วจากเส้นประตู
ผลการแข่งขันทำให้ เชลซี ทิ้งห่างไป 10 คะแนนก่อนที่จะลงเล่นในการไปเยือนทางใต้
ไรอัน กิ๊กส์ มีชื่อเป็นกัปตันทีมแทน รอย คีน ซึ่งมีชื่อเป็นตัวสำรองของปีศาจแดง
ในช่วงปีหลังๆ มา เป็นเรื่องปกติที่ แบล็คเบิร์น จะมีอดีตผู้เล่นของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างน้อย 1 คนลงเล่น แต่วันนี้ไม่มีนักเตะคนใดให้แฟนบอลใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ต้อนรับ
มาร์ค ฮิวจ์ส ผู้จัดการทีมได้รับการยืนขึ้นปรบมือให้ เมื่อเขาเดินออกมาเพื่อไปที่ม้านั่งข้างสนาม
มันเป็นช่วงบ่ายที่มีแดดจ้าอันสวยงามใน แมนเชสเตอร์ เมื่อเกมเริ่มขึ้นโดย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปทางฝั่งสกอร์บอร์ด ทั้ง 2 ทีมสวมเสื้อทีมตามปกติ
ทีมปีศาจแดง เกือบจะได้ประตูขึ้นนำตั้งแต่ไม่ถึง 2 นาทีแรกหลังจากความผิดพลาดในเกมรับทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้โอกาสยิง โดยบอลมาจาก รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ยิงไปติดบล็อก ทำให้บอลเด้งไปหา รูนี่ย์ ซึ่งจับบอลได้ดี แต่แบรด ฟรีเดล นายทวารของแบล็คเบิร์น ป้องกันไว้ได้
กัปตันทีมมือสองอย่างไรอัน กิ๊กส์ ต้องออกจากสนามหลังเกมผ่านไปเพียง 4 นาทีจากอาการบาดเจ็บ โรเบิร์ต สไวร์ นักกายภาพบำบัด เข้าไปช่วย แต่นักเตะเวลส์ รู้ดีถึงปัญหาและเดินอย่างช้าๆ ออกจากสนามไปที่อุโมงค์ และเขาถูกแทนที่ด้วยกัปตันทีมตัวจริง รอย คีน ทันที
ความลำบากของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบจะเพิ่มขึ้นในไม่กี่นาทีให้หลังเมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ถูกเข้าสกัดอย่างหนักหน่วงจากกองหลังของ แบล็คเบิร์น เขาดูน่าเป็นห่วงอยู่ 2-3 นาที แต่ท้ายที่สุดก็สามารถกลับไปเล่นในตำแหน่งปีกขวาได้
แบล็คเบิร์น ได้โอกาสงามที่จะขึ้นนำ เมื่อ ทิม โฮเวิร์ด ไม่สามารถรับลูกยิงระยะ 30 หลาของ แอรอน โมโคเอน่า ไว้ได้ กัปตันทีม แอนดี้ ท้อดด์ ถึงบอลก่อนแต่ไม่สามารถฉวยโอกาสไว้ได้
มิเกล ซิลแวสตร์ น่าจะทำให้ทีม ขึ้นนำอย่างที่สุดเมื่อได้โอกาสโหม่งเต็มๆ จากลูกฟรีคิกของ พอล สโคลส์ แต่ฟรีเดล ก็ยังป้องกันไว้ได้อย่างงดงาม
เวย์น รูนี่ย์ ได้โอกาสยิงไปทางขวาของฟรีเดล จากระยะ 30 หลาในนาทีที่ 25 ลูกยิงอันรุนแรงของเขาน่าจะเป็นประตูแต่ดันไปชนเสาเข้าอย่างจังแทนที่จะเจอตาข่าย
แบล็คเบิร์น ทำให้มันเป็นงานยากลำบากสำหรับทีมปีศาจแดง แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เองก็ยังมีโอกาสทำประตูมากกว่า
เสาประตูที่ รูนี่ย์ ยิงไปชนเมื่อก่อนหน้านี้ถูกยิงชนอีกครั้งในนาทีที่ 39 เมื่อ คีน ลองยิงจากกรอบเขตโทษ ฟรีเดล ไม่สามารถป้องกันได้แล้วแต่บอลก็ยังไม่ข้ามเส้น
มอร์เทน พีเดอร์เซ่น ช่วยชีวิตแบล็คเบิร์น เอาไว้ได้เมื่อเขาโหม่งเคลียร์ลูกโหม่งที่น่าจะเป็นประตูอีกครั้งของ ซิลแวสตร์ ออกมาจากเส้นได้อย่างหวุดหวิด
แบล็คเบิร์น ก็เกือบจะพังประตูได้ก่อนหมดครึ่งแรก เมื่อลูกโหม่งของ โจนาธาน สตีดจากการเปิดของปีกซ้าย สตีเว่น รีด หลุดเสาไกลไปเพียงนิดเดียว
ครึ่งแรกที่ยอดเยี่ยมน่าจะมีอย่างน้อย 6 ประตู แต่ก็จบลงโดยที่ไม่มีทีมใดพังประตูได้
ไม่มีการเปลี่ยนตัวในช่วงพักครึ่งและมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยเท่านั้นในรูปแบบการเล่นเมื่อเริ่มครึ่งหลัง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงครองบอลบุกใส่เหมือนเดิม ในขณะที่ แบล็คเบิร์น ซึ่งไม่เคยเอาชนะที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด มากว่า 40 ปีแล้วลงไปตั้งรับอย่างเต็มที่
ทีมปีศาจแดงยังคงดูดีกว่า แต่ประตูที่พวกเขาตามหาก็ยังไม่มาซักที แฟนบอลเริ่มตะโกน “Alan Smith, Alan Smith” ซ้ำๆ กัน และในนาทีที่ 64 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตอบรับคำเรียกร้องโดยการเปลี่ยนตัว รุด ฟาน นิสเตลรอย ออกและให้ สมิธ ที่แฟนบอลต้องการลงเล่นแทน
สตีด ถูกจดชื่อหลังจากเข้าสกัด จอห์น โอเชีย แต่ลูกฟรีคิกที่น่าจะทำได้กลับไม่เป็นประตู คีน โยนบอลข้ามไปให้ สมิธ แต่ ฟรีเดล รับลูกโหม่งของกองหน้าผู้นี้ได้อย่างสบาย เป็นอีกครั้งที่ ฟรีเดล เล่นได้ดีในการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ปีศาจแดงเล่นอยู่แต่ในฝั่งของ แบล็คเบิร์น โดยทั้งทีมมีส่วนร่วมในการพาบอลบุกเข้าใส่ประตูของ ฟรีเดล กองหลังของ แบล็คเบิร์น ไม่สามารถหยุดยั้งได้มากนัก แต่ท้ายที่สุดแล้วประตูสำคัญที่ตามหาก็ยังคงไม่เกิดขึ้น จบเกมทำให้เสมอกันไป 0 – 0 (คำบรรยายโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ทิม โฮเวิร์ด 1
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
แกรี่ เนวิลล์ 2 ( น. 35)
จอห์น โอเชีย 22
มิเกล ซิลแวสตร์ 27
ควินตัน ฟอร์จูน 25
ไรอัน กิ๊กส์ 11
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7
พอล สโคลส์ 18
เวย์น รูนี่ย์ 8
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
สำรอง
รอย คาร์โรลล์ 13
เวส บราวน์ 6
ฟิล เนวิลล์ 3
รอย คีน 16 ( น. 76) น. 6 ไรอัน กิ๊กส์ 11
อลัน สมิธ 14 ( น. 82) น. 63 รุด ฟาน นิสเตลรอย 10
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
แบรด ฟรีเดล 1
โดมินิค มัตเตโอ 22
แอรอน โมโคเอน่า 15
ลูคัส นีลล์ 2
ไรอัน เนลเซ่น 29 ( น. 89)
แอนดี้ ท็อดด์ 24
แกร์รี่ ฟลิตครอฟท์ 5
มอร์เทน พีเดอร์เซ่น 12
สตีเว่น รีด 18
เดวิด ทอมป์สัน 20
โจนาธาน สตีด 9 ( น. 71)
สำรอง
ปีเตอร์ อังเคลแมน 13
โลเรนโซ่ อาโมรูโซ่ 4
เบรตต์ เอเมอร์ตัน 7 น. 68 แอรอน โมโคเอน่า 15
เคริโมกลู ตูกาย 8
พอล กัลลาเกอร์ 19 น. 78 มอร์เทน พีเดอร์เซ่น 12
สถิติของเกม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลูกยิงตรงกรอบ 5, ลูกยิงหลุดกรอบ 14, ลูกยิงโดนบล็อค 4, เตะมุม 9, ฟาวล์ 21, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 3, การครองบอล 57%
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ลูกยิงตรงกรอบ 2, ลูกยิงหลุดกรอบ 6, ลูกยิงโดนบล็อค 1, เตะมุม 3, ฟาวล์ 18, ล้ำหน้า 3, ใบเหลือง 2, การครองบอล 43%
คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทิม โฮเวิร์ด 7, แกรี่ เนวิลล์ 6, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, มิเกล ซิลแวสตร์ 7, จอห์น โอเชีย 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7, พอล สโคลส์ 7, ควินตัน ฟอร์จูน 6, ไรอัน กิ๊กส์ 5, เวย์น รูนี่ย์ 7, รุด ฟาน นิสเตลรอย 5, อลัน สมิธ (สำรอง) 6, รอย คีน (สำรอง) 7
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แบรด ฟรีเดล 9, ลูคัส นีลล์ 7, แอนดี้ ท็อดด์ 7,ไรอัน เนลเซ่น 8,โดมินิค มัตเตโอ 7, สตีเว่น รีด 8, เดวิด ทอมป์สัน 6, แอรอน โมโคเอน่า 7, แกร์รี่ ฟลิตครอฟท์ 6, มอร์เทน พีเดอร์เซ่น 6, โจนาธาน สตีด 6, เบรตต์ เอเมอร์ตัน (สำรอง) 6, พอล กัลลาเกอร์ (สำรอง) 6
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ (จากการโหวตของแฟนบอล) : คริสเตียโน่ โรนัลโด้
Por